ก่อนที่จะเริ่มมีการซื้อขายกันในเดือนที่สอง ผู้จัดการกองทุนได้ทำการถอนยอดเงินปันผลทั้งหมดออกไป
แต่ยังคงเงินลงทุนครั้งแรกเอาไว้คือ 3000 USD
นายจอห์นมียอดเงินที่ลงทุนครั้งแรก และยอดปันผลรวม 6800 USD ซึ่งไม่ได้ทำการถอนกำไรออกไป
ส่วนนายปีเตอร์ได้ถอนเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรออกไป
ในเดือนนี้นางเจนนี่ได้เข้ามารวมลงทุน 1200 USD ซึ่งทำให้สัดส่วนผู้ถือหุ้นในกองทุนเปลี่ยนแปลงไป
ผู้จัดการถือหุ้น 23.07% นายจอห์นถือ 52.30% นายปีเตอร์ถือ 15.38% และนางเจนนี่ถือ 9.23 %
เมื่อเริ่มซื้อขายจนถึงสิ้นเดือนที่สอง ผู้จัดการโชว์ผลงานดีเด่น ได้กำไร 100%
ซึ่งทำให้ขนาดกองทุนจาก 13000 USD กลายเป็น 26000 USD
คิดเฉพาะส่วนที่เป็นกำไรขั้นต้นคือ 13000 USD จากนั้นนำกำไรมาแบ่งตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น

- > นายจอห์น มีหุ้น 52.3% จะได้รับกำไรขั้นต้น 6799 USD หักให้ผู้จัดการ 10% เหลือรับสุทธิ 6119 USD
> นายปีเตอร์ มีหุ้น 15.38% จะได้รับกำไรขั้นต้น 1999 หักให้ผู้จัดการ 10% จะเหลือสุทธิ 1799 USD
> นางเจนนี่มีหุ้น 9.23% จะได้รับกำไรขั้นต้น 1199 USD หักให้ผู้จัดการเหลือรับสุทธิ 1079 USD
ผู้จัดการจะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมความสำเร็จจากทุกคน 10% เหมือนเดิม
และก่อนจะเริ่มลงทุนในเดือนที่สาม ก็จะต้องมาสรุปยอดเงินลงทุนของแต่ละคนใหม่
พอถึงสิ้นเดือนที่สามจึงนำปันผลมาแบ่งผลประโยชน์กัน
ทั้งหมดนี้ คิดว่าคงเป็นไอเดียเล็กๆ เพื่อให้ท่านได้นำไปปรับใช้กับตัวเอง
ผมเห็นหลายคนทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์ และไม่มีตัวเลขอ้างอิงที่ชัดเจน
บางคนเข้าหุ้นทำธุรกิจ คนนึงออกเงิน อีกคนออกแรง กลายเป็นว่า คนออกแรงอยากได้ส่วนแบ่งมากกว่า
โดยปกติแล้วคนที่ออกเฉพาะแรงหรือมันสมองจะถือว่าเป็นเพียงมือปืนผู้รับจ้าง
หรือทำงานให้เจ้าของเงิน หรือในกรณีที่คนทำงานถือหุ้นด้วย
ก็จะต้องนำเอากำไรมาหารกันให้ลงตัวตามโมเดลของระบบฟอร์เร็กซ์ที่ผมเขียนไป
แน่นอนคนทำงานย่อมได้ค่าแรงของตัวเอง โดยรวมจึงต้องได้มากกว่าเจ้าของเงินที่ไม่ได้ทำอะไร
แต่ไม่ใช่มากจนอีกฝ่ายรู้สึกถูกเอาเปรียบ
**การเข้าหุ้นกองทุนในลักษณะนี้ จะต่างจากการถือหุ้นในบริษัท เคสนั้นผู้ถือหุ้นมากสุดจะมีอำนาจในการตัดสินใจ
หรือสิทธิการออกเสียงในเรื่องสำคัญๆ มากกว่าคนถือหุ้นน้อย แต่เคสนี้การตัดสินใจของผู้จัดการถือว่าใหญ่สุด
เพราะเหมือนทุกคนได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการทำหน้าที่แทนตนไปแล้วนั่นเอง**สุดท้าย ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงทุกฝ่าย ว่าจะแบ่งผลประโยชน์กันยังไง
บางคนเสนอสูตร 70/30 หรือ 60/40 ถ้ารับได้ก็รับ แต่ต้องชัดเจนกันตั้งแต่แรก
จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันทีหลัง...เป็นเช่นนี้แหละ..